วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ดี๐๑
+ หลักความเชื่อของศาสนาพุทธ คือ เหตุที่ทำให้เกิดความสุขนั้น ก็คืออยู่กับปัจจุบัน ขณะปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคุมความอยากที่ไม่มีสิ้นสุด
+ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และใช้หลักเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น มีจิตใจเมตตา กรุณา และเสียสละเพื่อผู้อื่น
+ อริยสัจ 4 คือ สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบและบอกไว้ด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
แท้จริงแล้วก็คือทางเดินไปหาคำว่า "ความสุข" เพราะถ้าเมื่อไรเรากำจัด "ความทุกข์" ได้แล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้น
+ อุปสรรคของความสุข ก็คือแรงปรารถนาและตัณหา
คนเราจะมีความสุขไม่ขึ้นอยู่กับว่า "มีเท่าไร" แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเรา "พอเมื่อไร"
ความสุขไม่ได้ขึ้นกับจำนวนสิ่งของที่เรามี หรือเราได้...
+ ดังนั้น วิธีจะมีความสุข อันดับแรกต้อง "หยุดให้เป็น และ พอใจให้ได้"
ถ้าเราไม่หยุดความอยากของเราแล้วละก็ เราก็จะต้องวิ่งไล่ตามหลายสิ่งที่เรา "อยากได้" แล้วนั่นมันเหนื่อย และความทุกข์ก็จะตามมา...
+ ข้อต่อมาที่ทำให้เราเป็นสุข คือ การมองทุกอย่างในแง่บวก
ชีวิตแต่ละวัน แน่นอนเราต้องเจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี
ถ้าเราอยากจะมีความสุข เราต้องเริ่มด้วยการมองแต่สิ่งดีๆ มองให้เป็นบวก
เพื่อใจเราจะได้เป็นบวกคิดถึง แต่สิ่งที่เรากระทำสำเร็จแล้วในวันนี้ และสิ่งดีๆที่เราได้กระทำ
+ ข้อต่อมา คือ "การให้"
หมายรวมถึง การให้ในรูปแบบสิ่งของหรือเงิน ที่เรียกว่าบริจาค และการให้ความเมตตากรุณาต่อกันและกัน รวมถึงการให้อภัยทั้งตัวเองและผู้อื่น
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัย ทำให้เรามีแต่ความสุข....
+ การปล่อยวางให้ได้ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงและเศร้าโศกเพียงใด
จำไว้ว่ามันจะโดนเวลาพัดพามันไปจากเรา ไม่ช้าก็เร็ว
เราจะผ่านพ้นไปได้... และยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบเพียงใด ไม่ว่าผิดหวัง สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
เรา ทุกคนต้องได้ผ่านบททดสอบนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร...
+ ทำตนเองให้สดใส ด้วยการยิ้มให้ตนเอง
ทำคนอื่นให้สดใสได้ ด้วยการยิ้มให้เขา
การยิ้มไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่สามารถสร้างความสดใสได้เป็นอันมาก ทำให้เราเป็นสุขอยู่เสมอ เพราะความสุขมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง อยู่แค่ที่ใจของเรานี่เอง
ยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส เห็นใครทักก่อน นี่คือ.. วิธีแสดงเสน่ห์แบบง่ายๆ แต่ให้ผลมาก
+ การให้อภัยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่การแก้แค้นลงทุนมาก
เพราะเวลาเขาด่าว่าเราเพียงไม่ถึงนาที เขาอาจจะลืมไปแล้วด้วย
แต่เรายังคงจดจำ ยังเจ็บใจอยู่... นี่เราฉลาดหรือโง่กันแน่
+ การบ่นแล้วหมดปัญหาก็น่าบ่น บ่นแล้วมีปัญหา ไม่รู้จะบ่นหาอะไร
เรายังเคยเข้าใจผิดผู้อื่น ถ้าคนอื่นเข้าใจเราผิดบ้าง ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร
ทำไมต้องเศร้าหมอง... ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเข้าใจ
+ อย่าโกรธฟุ่มเฟือย อย่าโกรธจุกจิก อย่าโกรธไม่เป็นเวลา อย่าโกรธมาก จะเสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต
แม้จะฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธไม่ได้ แต่การฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธบ่อยสามารถกระทำได้ โดยฝึกให้เป็น ผู้รู้จักให้อภัยให้ได้
+ การนินทาว่าร้ายเป็นเรื่องของเขา การให้อภัยเป็นเรื่องของเรา
การชอบพูดถึงความดีของเขา คือ ความดีของเรา
การชอบพูดถึงความไม่ดีของเขา คือ ความไม่ดีของเรา
+ การโทษผู้อื่นแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่การโทษตนเองสามารถแก้ไขได้
แก้ตัวไม่ได้ช่วยอะไร แต่แก้ไขช่วยให้ดีขึ้น
+ การนอนหลับเป็นการพักกาย การทำสมาธิเป็นการพักใจ
คนส่วนใหญ่พักแต่กาย ไม่ค่อยพักใจ
+ รู้จักทำใจให้รักผู้บังคับบัญชา รู้จักทำใจให้รักลูกน้อง รู้จักทำใจให้รักเพื่อนร่วมงาน สวรรค์ก็อยู่ที่ทำงาน
เกลียดผู้บังคับบัญชา เกลียดลูกน้อง เกลียดผู้ร่วมงาน นรกก็อยู่ที่ทำงาน
+ การที่เรายังต้องแสวงหาความสุข แสดงว่าเรายังขาดความสุข
แต่ถ้าเรารู้จักทำใจให้เป็นสุขได้เอง ก็ไม่ต้องไปดิ้นรนแสวงหาที่ไหน
+ ความอ่อนน้อม อ่อนโยน อ่อนหวาน นั้นดี.... อ่อนข้อให้เขาบ้างก็ยังดี แต่... อ่อนแอนั้น ไม่ดี
ในการคบคน ศิลปะใดๆ ก็สู้ความจริงใจไม่ได้
จงประหยัด "คำติเตียน" แต่อย่าตระหนี่ "คำติชม"
+ การอภัยให้แก่กันในวันนี้ ดีกว่าอโหสิให้กันตอนตาย
+ ถ้าคิดทำความดี ให้ทำได้ทันที
ถ้าคิดทำความชั่ว ให้เลิกคิดทันที ถ้าเลิกคิดไม่ได้ ก็อย่าทำวันนี้ ให้ผลัดวันไปเรื่อยๆ
+ ถึงจะรู้ร้อยเรื่องพันเรื่อง ก็ไม่สู้รู้เรื่องดับทุกข์
โลกสว่างด้วยแสงไฟ ใจสว่างด้วยแสงธรรม
แสงธรรมส่องใจ แสงไฟส่องทาง
+ "ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้
ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฎิบัติธรรมไม่ได้
ผู้ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่เข้าถึงธรรมไม่ได้"...
+ "มีทรัพย์มาก ย่อมมีความสะดวกมาก
มีธรรมะมาก ย่อมมีความสุขมาก"...
+ "เมื่อก่อนยังไม่มีเรา เราเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้เอง และอีกไม่นานก็จะไม่มีเราอีก
จึงควรรีบทำดี ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่"...
สิ่งควรรู้ ก่อนนอน
□□...มีคนจำนวนมาก กลางวันไม่เป็นอะไร แต่พอกลางคืน กลับเสียชีวิต เนื่องจากกลางคืนลุกจากที่นอนไปเข้าห้องน้ำเร็วเกินไป
□การลุกจากที่นอนอย่างกระทันหันทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ความดันโลหิตลดต่ำ จนวิงเวียนล้มลงไป บางคนถึงกับกระดูกกะโหลกศีรษะแตก
ส่วนบางคน...
□หัวใจมีปัญหา กลางวันเต้นเป็นปกติ แต่กลางคืนกลับขาดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจหดตัวเนื่องจากลุกจากที่นอนอย่าง กระทันหัน ความดันโลหิตลดต่ำลงขาดเลือด ไปเลี้ยงสมอง □หัวใจก็หยุดเต้นได้
ถึงแม้จะไม่เสียชีวิตก็กลายเป็นโรคอัมพฤกษ์ไปก็มี
□นักวิทยาศาสตร์ มักจะย้ำประโยคหนึ่งอยู่เสมอๆ ว่า
“ครึ่งนาที 3 อย่าง และครึ่งชั่วโมง 3 อย่าง“
□วลีนี้เป็นวลีสำคัญ ที่ไม่ต้องเสียเงินหามา แต่ช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ เป็นจำนวนมาก
□ครึ่งนาที 3 อย่าง หมายถึง
□1.เมื่อตื่นนอนขึ้นมาแล้ว อย่าลุกจากที่นอนในทันที ให้นอนไว้ก่อนครึ่งนาที
□2.เมื่อนั่งขึ้นมาก็ให้นั่งอีกครึ่งนาที
□3.แล้วเอาขาทอดไว้ที่พื้นอีกครึ่งนาที
□ส่วนครึ่งชั่วโมง 3 อย่าง หมายถึง
□1. ตื่นขึ้นมาตอนเช้า ควรออกกำลังกายครึ่งชั่วโมง (หนักเบา แล้วแต่ละบุคคล)
□2. ตอนเที่ยง ควรนอนกลางวัน ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ตอนบ่ายจะมีพละกำลังเต็มที่ (เพราะผู้สูงอายุมักจะตื่นนอนแต่เช้า กลางวันจึง ควรพักผ่อนให้มาก)
□3. ตอนเย็น ผู้สูงอายุควรเดินช้าๆ สักครึ่งชั่วโมง
จะทำให้ตอนกลางคืนหลับสบาย สามารถลดอัตรา
การเป็นโรคที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตีบและความ
ดัน โลหิตสูงได้
□ขอให้ส่งต่อญาติสนิทมิตรสหาย
เพราะว่าความรู้นี้ สอนคนได้ ช่วยคนก็ได้
4วิธีง่ายๆในการปฐมพยาบาลดังข้างล่างนี้
□1.สำลักอาหาร
วิธีจัดการ----แค่ยกมือขึ้นไป
□2 ตกหมอน
คุณเคยตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่าตัวเองตกหมอนนั้น
ก็คือปวดคอ ถ้าหากตกหมอน คุณควรทำอย่างไร
ถ้าหากตกหมอน แค่ยกขาขึ้นมา
จับนิ้วโป้งของเท้า
ค่อยๆนวดและหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือทวนเข็มนาฬิกา
□3. ขาเป็นตะคริว
เวลาขาซ้ายเป็นตะคริว ให้ยกมือขวาขึ้นสูงๆ
เวลาขาขวาเป็นตะคริว ให้ยกมือซ้ายขึ้นสูงๆ จะรู้สึกสบายผ่อนคลายทันที
□4. ขาชา
ถ้าขาซ้ายชา
สบัดมือขวาจากช้าไปหาเร็ว
ถ้าขาขวาชา
ก็สบัดมือซ้ายจากช้าไปเร็ว
ช่วยส่งต่อเถอะ ได้บุญกุศลมากมาย
ป้ายกำกับ:
ภาพ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น